การอบรมที่ไม่ได้ผล มักเกิดจากความเชื่อผิดๆมากมาย ทำให้การจัดอบรมไม่สามารถส่งผลตามที่มุ่งหวัง ความเชื่อที่ผิดนั้นมีอะไรบ้าง
การอบรมโดยใช้คนในองค์กรเป็นสิ่งดี
แต่หากขาดความพร้อมในการเตรียมตัว กลับอาจเป็นเรื่องเลวร้าย
ทั้งการไม่มีเวลาให้ผู้สอนภายในของท่านเตรียมตัว
ทั้งการที่ไม่ใส่ใจในคุณภาพของสื่อการสอน และคุณภาพการสอนของผู้สอน
ทั้งการที่ท่านไม่เคยให้รางวัล หรือ ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับวิทยากรภายใน
ทำให้ไม่มีใครอยากเป็นผู้สอนภายใน
สิ่งเหล่านี้ พนักงานอาจจะจับสัญญาณ และ เข้าใจว่า ท่านไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ท่านกำลังให้การอบรมนั้นๆอยู่
ผู้สอนภายในอาจไม่ได้รับการฝึกทักษะในการเป็นวิทยากร
ผู้สอนภายใน อาจไม่มีความหลากหลายในเนื้อหาที่สอน
ผู้สอนภายในอาจไม่ได้รับการยอมรับ
หรือแม้แต่การใช้วิทยากรภายนอก แต่เน้นที่ราคา ไม่เน้นที่คุณภาพของวิทยากร
เพื่อให้คุ้มกับค่าใช้จ่าย ด้วยคณิตศาสตร์เบื้องต้น
ทำให้สามารถแสดง ให้เห็นว่าช่วยองค์กรประหยัด จัดการงานได้ดี
โดยเพิ่มจำนวนคนเข้าอบรมต่อหลักสูตรให้มากที่สุด
เพื่อให้ต้นทุนต่อหัวต่ำสุด
โดยลืมไปว่า ในหลักสูตรอบรม ที่ต้องการเพิ่มทักษะ ปรับแนวคิด มีคนมากไม่ได้
หากคนมาก วิธีการสอนจะเป็นการบรรยาย
ผู้เรียนก็ได้แต่นั่งฟัง ไม่สามารถมี เวิร์กช็อป
สุดท้ายทุกคนไม่ได้ประโยชน์จากการอบรมนั้นๆ
การอัดให้ ผู้บริหาร หัวหน้างาน อบรมร่วมกับพนักงาน มักไม่ได้ผล
การอบรมเป็นสิ่งที่ดี
แต่การอบรมที่เน้นแต่ปริมาณไม่ดี
หากอบรมมากไป พนักงานคิดว่าการฝึกอบรมเป็นหน้าที่ เป็นเรื่องที่ต้องทนเข้าฝึกอบรม
อบรมมากไป ทำให้สะเปะสะปะ คือเรียนมั่วไปหมดจนสับสน สิ้นเปลืองเงินทองและเวลา
หากพนักงานท่านเริ่มบ่นว่า อบรมอีกละ ไม่มีเวลาทำงาน
อันนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยให้กับองค์กร
ว่าท่านอาจอบรมมากไป หรือ ท่านอาจมีคนในองค์กรมากไปอีกคนแล้ว
ท่านต้องตอบให้ได้ว่า การอบรมครั้งนั้นให้กับพนักงานมีเป้าหมายอะไร ควรอบรมอะไรบ้าง
ความสอดคล้อง ต่อเนื่อง ของหลักสูตรสำคัญกว่าปริมาณเสมอ
ทำครึ่งๆกลาง
ไม่มีแผนในการพัฒนาคนที่เป็นระบบ
ไม่มีขั้น หนึ่ง สอง สาม สี่
อบรมตามงบที่มี ไม่มีการอบรมอย่างต่อเนื่อง
อบรมตามสภาพปัญหา มีปัญหา ทีอบรมที
เมื่อไม่มีการอบรมอย่างต่อเนื่อง
คนจะกลับไปเหมือนเดิม ปัญหาเดิมๆก็อาจกลับมา
หากไฟไหม้บ้าน แต่มีน้ำกระป๋องเดียว
ก็ช้าเกินไป ที่จะใช้การอบรมในการแก้ปัญหาที่รุกลาม
หมักหมม รุมเร้า จนยากต่อการแก้ไข
การอบรมสามารถแก้ปัญหาได้
แต่หากปัญหาถาโถม การพุ่งความสนใจไปที่การอบรมแต่เพียงอย่างเดียว อาจไม่พอ
ผู้บริหาร มักคาดหวังว่าหลังอบรมแล้ว
อบรมที่ใช้เวลา 1 วันแล้ว
จะสามารถแก้ปัญหาการผลิต สามารถเพิ่มยอดขาย สามารถลดของเสีย
พนักงานสามารถเปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน
ปัญหาทั้งหมดจะหายไปในข้ามคืน
ปัญหาเหมือนการบ่มเชื้อ ไม่ใช่อบรมแล้วจะหายเลย
ต้องใช้เวลา
ในเรื่องเดียวกัน เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกัน
หากผู้ปฏิบัติได้พัฒนาวิธีคิดแบบใหม่ วิธีการใหม่
แต่หัวหน้างาน ผู้จัดการยังคิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม
เสนออะไรไป หัวหน้าเบรก หัวหน้าไม่เห็นด้วย
อย่างนี้คงไปไม่ถึงไหน
ที่จริงแล้ว ในการแก้ปัญหาในเรื่องเดียวกัน
ผู้จัดการ และ หัวหน้างาน ต้องได้รับการอบรมก่อน
หัวหน้างาน ผู้จัดการมักติดกับดักที่ว่า ตัวเองรู้ดี รู้หมดทุกเรื่องอยู่แล้ว เก่งอยู่แล้ว
และมักรู้สึกแปลกๆ หากต้องนั่งอบรมพร้อมลูกน้อง
ศักดิ์ศรีค้ำคอ มักหาเหตุผลร้อยแปดในการไม่เข้าอบรมเสมอ
ถัดจากข้อนี้ คุณต้องเขียนเอง เพราะแต่ละองค์กร มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ต่างกัน มีคนในองค์กรที่ผิดแผกแตกต่างกัน ทำให้แต่ละองค์กรมีปัญหาไม่เหมือนกัน แล้วจะให้เขียนทุกสิ่งทุกอย่างได้ไง
ที่เหลือ คุณต้องเขียนเองแล้วละ
ว่าแต่ว่า จะมีที่พอให้เขียนหรือเปล่าไม่รู้ ...... ^___^